วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สารสกัดจากมะเขือเทศ

มะเขือเทศ Tomato
มะเขือเทศ มีสรรพคุณทางยาค่อนข้างสูง เพราะมะเขือเทศมีวิตามินซี ซึ่งจะช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด มะเขือเทศยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะจึงสามารถแก้อาการความดันโลหิตสูง สารสกัดจากมะเขือเทศ มีวิตามินเอจึงสามารถรักษาโรคตาได้ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือมีวิตามินซีมากทำให้สามารถป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิด ช่วยระบบการย่อยและช่วยการขับถ่ายอุจจาระอีกด้วย ช่วยบำรุงผิวลดริ้วรอย ผิวพรรณไม่แห้งกร้าน ระบบการหมุนเวียนเลือดดีขึ้น และยังสามารถต้านมะเร็งได้ด้วย
ไลโคปีน (Lycopene) คือ สารสีแดงพบมากในมะเขือเทศ เป็นสารสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีฤทธิ์ที่ดีกว่าแบต้าแคโรทีน และแอลฟาโทโคฟีรอล ถึง 2 และ 10 เท่า ตามลำดับ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สุด และเป็นสารที่ละลายในน้ำมัน และจะถูกดูดซึมได้ดีในรูปของน้ำมัน ให้ประโยชน์สูงกับอวัยวะที่มีเซลล์ไขมันเป็นส่วนประกอบจำนวนมาก เช่น ต่อมลูกหมาก และผิวหนัง จากผลวิจัยที่ผ่านมาในอดีต Lycopeneเป็น เม็ดสีที่ช่วยให้ผักและผลไม้ เช่น มะเขือเทศ แตงโม ส้มโอมีสีชมพูและแดง และที่สำคัญ ไลโคปีน จะปรากฎขึ้นเพื่อแสดงความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้รับนอกเหนือจากการป้องกันและสามารถลดอัตราการเสี่ยง ของการเกิดโรคมะเร็งดังกล่าว

ประโยชน์ของไลโคปีน
1.) ลดอัตตราการเกิดสิว
2.) ช่วยให้ผิวแข็งแรงทนต่อการทำลายของแสงแดดได้มากขึ้น 3 เท่า จึงลดความรุนแรงของการเผาไหม้ของผิวหนังจากแสง สามารถต่อต้านมะเร็งผิวหนัง และชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว
3.) ช่วยให้ผิวดูสวยอมชมพูมีเลือดฝาด
4.) บำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง ผิวมีสุขภาพดี ไม่ไวต่อแสง
5.) มีฤทธิ์ที่ดีมากในการช่วยยั้บยั้งการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันชนิด Low density lipoprotein (LDL) จึงสามารถป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดแข็งตัว (Atherosclerosis) ลดอัตราเสี่ยงของการเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
6.) ลดอัตรการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด

7.) ไลโคปีนอาจจะมีส่วนสำคัญในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก โดยจะลดการเกิดเนื้องอกและยับยั้งการพัฒนา วงจรชีวิตของเซลล์ในช่วงต้นของการเกิดเซลล์มะเร็ง (ระยะ G1) ไลโคปีนอาจช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ไลโคปีนเองได้ ดังนั้นเราจึงต้องรับประทานไลโคปีนเข้าไปจากผักผลไม้ หรืออาหารเสริม โดยไลโคปีนจะไปกระจายอยู่ทั่วไปในเนื่อเยื่อบริเวณที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่พบการสะสมของไลโคปีนมากที่ต่อมหมวกไต ลูกอัณฑะ และตับ จากการศึกษาวิจัยพบว่าไลโคปีนที่ผ่านกระบวนการใช้ความร้อน (heat processed-lycopene) เช่น การปรุงอาหาร ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีกว่าไลโคปีนในธรรมชาติ

นอกจากนั้น การใช้ความร้อนในการประกอบอาหารยังทำให้ไลโคปีนที่อยู่ในผนังเซลล์ของผักและ ผลไม้ละลายออกได้มากขึ้น ทำให้ดูดซึมในระบบย่อยอาหารได้ดีกว่ารับประทานแบบสดถึง 2.5 เท่า ดังนั้นหากจะรับประทานผักและผลไม้เพื่อให้ร่างกายได้รับไลโคปีน จึงควรนำผักและผลไม้ไปปรุงให้สุกก่อน

--------------------------------------------------------------------------------
ปัจจุบัน สารสกัดจากมะเขือเทศ มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ ฟีนิกซ์ ฟินน์ by ฟีนิกซ์เฮิร์บ 999


--------------------------------------------------------------------------------

ติดต่อสอบถาม: โสภณ เพิ่มสุข Tel. 098-827-7275 ID line: 0988277275
ข้อมุลสินค้าเพิ่มเติม http://phoenix-finn.blogspot.com/
ติดตามข้อมูลสินค้าอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ http://phoenixherb.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น