วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

10 ผักและผลไม้ กินลดความอ้วน

10 ผักและผลไม้ กินลดความอ้วน




1.) แอปเปิ้ล Apple
แอปเปิ้ล ถือเป็นราชาของผลไม้ลดความอ้วน ในแอปเปิ้ลมีน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวง่ายต่อการดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ภายในไม่ถึง 10 นาที จึงช่วยลดความอยากอาหารและควบคุมน้ำหนักได้ดี อีกทั้งกากใยจากเปลือกแอปเปิ้ลยังช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย การรับประทานแอปเปิ้ลเพื่อลดน้ำหนักนิยมรับประทานแทนอาหารมื้อเย็น แต่ทั้งนี้ต้องรับประทานทั้งเปลือกเพราะถ้าปลอกเปลือกออกสารสำคัญต่างๆ ก็จะลดน้อยลงไปด้วย
2.) ผักสลัด Arugula
นิยมใส่ในสลัด ผัก Arugula อุดมไปด้วยวิตามิน A และ C และมีแคลอรี่ต่ำ รสขมของ Arugula ช่วยกระตุ้นตับสำหรับการไหลของน้ำดีและระบบการย่อยอาหาร
3.) ผักสีเขียว Asian greens
ผักประเภทนี้ได้แก่ ผักบุ้งจีน คะน้า กวางตุ้ง ฮ่องเต้ ไดโตเกียว ทาห์ไช่ และผักโขม ผักใบเขียวนั้นจัดว่าเป็นอีกหนึ่งพืชสมุนไพรที่ช่วยรักษาโรคได้ด้วย มีสารต้านอนุมูลอิสระวิตามินซีและเบต้า-แคโรทีน ซึ่งร่างการจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอที่มีผลต่อการบำรุงสายตา เสริมสร้างสุขภาพผิวพรรณและต้านทานการติดเชื้อ
4.) มะละกอ
มะละกอเป็นผลไม้ที่หาซื้อง่ายตามท้องตลาดแถมมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับสรรพคุณ ในมะละกอสุกนั้นจะมีไขมันน้อยมากจนเรียกว่าไม่มีเลยก็ได้และยังให้พลังงานไม่ถึงเกิน 50 แคลอรี่ต่อ 100 กรัม ดังนั้นมะละกอจึงเป็นผลไม้ลดน้ำหนักอีกชนิดหนึ่งที่ผู้คนนิยมรับประทาน
5.) หน่อไม้ฝรั่ง
นิยมใส่ในสลัด หรือนึ่ง เพื่อรับประทานร่วมกับผักอื่นๆและปลา หน่อไม้ฝรั่งเป็นแหล่งของเส้นใยโฟเลต วิตามิน C, E, K, B6 และแร่ธาตุอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีซาโปนิน ที่เชื่อว่าจะช่วยลดคอเลสเตอรอลและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
6.) อะโวคาโด้
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในอะโวคาโด้จะช่วยเพื่อเผาผลาญไขมันอิ่มตัวในร่างกาย ซึ่งหมายความว่า มันจะช่วยกำจัดไขมันที่ไม่จำเป็นในร่างกายของคุณออกไป
7.) กล้วย

กล้วยเป็นอาหารที่ให้พลังงานเป็นอย่างดี เนื่องจากกล้วยอุดมด้วยวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี 1 และบี 2 ที่ช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน ช่วยลดอาการตัวบวม มีใยอาหารช่วยในเรื่องของปัญหาท้องผูก โดยเฉพาะกล้วยหอม หากรับประทานแทนอาหารมื้อเช้าจะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มท้อง
8.) ข้าวบาร์เลย์
ข้าวบาร์เลย์จะช่วยลดคอเลสเตอรอลส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ จากการวิจัยของสวีเดนพบว่า หากคุณทานข้าวบาร์เลย์เป็นมื้อเช้าจะช่วยลดความอ้วนจากการทานอาหารมื้อต่อๆ ไปของวันได้ เพราะไฟเบอร์ชนิดละลายในน้ำที่มีอยู่มากในข้าวบาร์เลย์ ซึ่งต้องใช้เวลาในการย่อยหลายชั่วโมง คุณเลยจะรู้สึกอิ่มนานกว่ารับประทานข้าวทั่วไป
9.) ถั่ว
พืชตระกูลถั่ว เป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรต ถั่วจะมีเส้นใยสูงและมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และต้านเชื้อราที่จะช่วยปกป้องเราจากโรค ใครที่เคยพยายามลดน้ำหนักโดยควบคุมปริมาณอาหารและปริมาณไขมัน จะทราบดีว่าการปฏิบัติเช่นนี้อาจทำได้ไม่นาน อาหารอาจขาดรสชาติหรือทำให้หิวบ่อย ถั่วมีทั้งไขมันที่ดีและเส้นใยอาหารในสัดส่วนที่เหมาะสม จึงเป็นอาหารธรรมชาติที่เหมาะจะเป็นอาหารควบคุมน้ำหนัก
10.) ผลเบอร์รี่
ผลเบอร์รี่ เช่น ราสเบอร์รี่และแบล็ก เป็นหนึ่งในผลไม้ ที่ดีที่สุดในการต่อต้านริ้วรอย มีเส้นใยสูง และยังเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระแต่มีราคาแพง แบล็คเบอร์รี่ 1 ถ้วยเล็กๆ สามารถให้ไฟเบอร์ถึง 10 กรัมเลยทีเดียว 
----------------------
ที่มา: ขอขอบคุณข้อมูลจาก ASTV ผู้จัดการออนไลน์ http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000039303&Html=1&TabID=3&
----------------------
ดูแลรูปร่างและสุขภาพของคุณด้วยสมุนไพรธรรมชาติ จาก ฟีนิกซ์ ฟินน์
ติดต่อสอบถาม: โสภณ เพิ่มสุข Tel. 098-827-7275 ID line: 0988277275
ข้อมุลสินค้าเพิ่มเติม http://phoenix-finn.blogspot.com/
ติดตามข้อมูลสินค้าอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ http://phoenixherb.blogspot.com/

6 เทคนิคลดความอ้วน ที่คุณยังไม่รู้ !!

6 เทคนิคลดความอ้วน ที่คุณยังไม่รู้ !!

นำเทคนิคลดความอ้วน ที่รับรองว่าคุณยังไม่รู้ หรือถ้ารู้ก็ไม่เกินครึ่ง ไม่งั้นคุณก็ผอมไปแล้ว ใช่มั้ยล่ะ


เทคนิคลดความอ้วน 1.) ทานอาหารด้วยตะเกียบ

ถ้าอยากลดความอ้วน ไม่ต้องไปคิดหายากิน และออกกำลังให้ยุ่งยาก ใช้วิธีง่ายๆเปลี่ยนมาพุ้ยข้าวด้วยตะเกียบเสีย ก็จะทำได้ดังใจ

นายคิมิโกะ บาร์เบอร์ ผู้แต่งตำราเรื่อง “การควบคุมอาหารด้วยตะเกียบ” กล่าวถึงคุณของการกินด้วยตะเกียบว่า “มันจะทำให้เรากินได้ช้าลง และดังนั้นจะพลอยกินน้อยลงไปด้วย การใช้ตะเกียบยังทำให้ต้องกินด้วยคำเล็กลง เคี้ยวได้ละเอียดขึ้น ใช้เวลากินนานขึ้น และทำให้กระเพาะย่อยได้ง่ายขึ้น” เขากล่าวว่า การกินอาหารฝรั่งบางอย่างด้วยตะเกียบ คงจะลำบากน่าดู แต่ก็กลับเป็นการดี เพราะจะทำให้ต้องกินช้าลง มีเวลาคิดไตร่ตรองถึงอาหารมากขึ้น และช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงด้วย
ข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์ 22 ม.ค. 52
----------------------

เทคนิคลดความอ้วน 2.) ไม่มอง ไม่ดม !
นักวิจัยในเยอรมนี ศึกษาพบว่า เพียงแค่เห็นรูปอาหารที่ดูน่ารับประทาน ก็ทำให้รู้สึกหิวขึ้นมาได้ จากการทดลองกับอาสาสมัครหลายรายที่ได้ดูรูปอาหารอันน่าลิ้มลอง โดยระหว่างนั้น นักวิจัยทำการตรวจวัดระดับฮอร์โมนควบคุมความอยากอาหาร หรือที่เรียกว่า เกรลิน ผลที่ได้ปรากฏว่า ระดับฮอร์โมนชนิดดังกล่าวเพิ่มขึ้นทันทีเมื่อคนๆนั้นเห็นรูปอาหารยั่วน้ำลาย

โดยผลการศึกษาเรื่องนี้ ทำให้นักวิจัยทราบเป็นครั้งแรกว่า ฮอร์โมนเกรลินนั้นสามารถเพิ่มขึ้นจากปัจจัยภายนอกร่างกายด้วย นอกจากนี้ นักวิจัยยังเตือนให้หลีกเลี่ยงการดูรูปอาหาร รวมทั้งอย่าเดินไปเฉียดใกล้ห้องครัว หรือร้านอาหาร ร้านขนม เพราะกลิ่นหอมของอาหารก็ยั่วน้ำลายและกระตุ้นฮอร์โมนเกรลินได้เช่นกัน

ข้อมูลจาก เดลินิวส์ออนไลน์ 24 มกราคม 2012
----------------------

เทคนิคลดความอ้วน 3.) ใช้คำพูดเชิงบวกเป็นเหตุผลในการลดน้ำหนัก

การศึกษาด้านจิตวิทยาพบว่า มีผู้คนจำนวนมากที่เชื่อว่าการตัดพ้อตัวเองว่า "อ้วน" เป็นแรงกระตุ้นในการลดความอ้วนได้ แต่แท้จริงนั่นเป็นความคิดที่ผิด! (ข้อมูลจากเดลิเมล์) ผู้หญิงบางคนมักจะพูดในเชิงลบเมื่อเริ่มต้นลดน้ำหนัก ผู้หญิงที่ต้องการจะลดความอ้วนมักจะใช้คำว่า "อ้วน" เป็นเหตุผลในการลดน้ำหนัก แต่พวกเขาควรตระหนักถึงเป้าหมายมากกว่า คือการคิดถึงสิ่งที่อยากได้ อยากเป็น โดยควรตัดเรื่องแย่ๆของความอ้วนออกจากการพูดคุย แต่ให้มีทัศนคติที่ดี โดยจากการสำรวจพบว่าคำพูดเชิงบวก เช่น สวย เซ็กซี่ จะทำให้ผู้หญิงรู้สึกภูมิใจ และส่งผลดีต่อการลดน้ำหนัก

ดังนั้น คนที่อยากลดความอ้วน อย่ามัวตัดพ้อความอ้วนของตัวเอง จะเป็นทัศนคติด้านลบ แต่ให้ลองจินตนาการว่าถ้าวันหนึ่งเรามีรูปร่างที่ดีขึ้นมา จะดูดีขนาดไหน ซึ่งจะช่วยเราประสบความสำเร็จในการลดความอ้วนได้ไม่บ้างก็น้อยตามผลวิจัยนี้

----------------------

เทคนิคลดความอ้วน 4.) ทำตัวเย็นเข้าไว้

งานวิจัยพบว่าผู้อยู่ในเขตอากาศหนาวเย็น ร่างกายจะสร้างไขมันสีน้ำตาลเพิ่มขึ้นและสร้างสีขาวลดลง ซึ่งไขมันสีน้ำตาล ถึงเป็นไขมันสำหรับการเผาผลาญ และไขมันสีขาว ที่มีหน้าที่เพียงเก็บกักไขมันส่วนเกินไว้ในร่างกาย
ข้อมูลจาก บทความจากเว็บไซต์กรมสุขภาพจิต เรื่อง การลดน้ำหนักตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยนิตยสารรีดเดอร์ส ไดเจสท์ สรรสาระ 2553 

----------------------

เทคนิคลดความอ้วน 5.) เคี้ยวอาหารให้มากครั้งขึ้นก่อนกลืน

ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์บิน เมดิคัล ประเทศจีน ว่า การเคี้ยวอาหารให้มากครั้งขึ้น จะช่วยให้ทานอาหารน้อยลง และมีน้ำหนักลดลงด้วย โดยในการวิจัยให้ผู้เข้ารับการทดสอบ ซึ่งเป็นชายผอมจำนวน 14 คน และชายอ้วนจำนวน 16 คน กินพายเนื้อที่มีขนาดเท่าๆ กัน ซึ่งแพทย์จะทำการนับจำนวนครั้งในการเคี้ยวอาหารของคนทั้ง 2 กลุ่ม ปรากฏว่าคนอ้วนจะเคี้ยวน้อยครั้งกว่า และกลืนเร็วกว่าคนผอม ในการทดสอบแบบที่สอง แพทย์จะให้ผู้ทดสอบเคี้ยวอาหาร 15 ครั้งต่อการกัดหนึ่งคำ และ 40 ครั้งต่อการกัดหนึ่งคำ ตามลำดับ ผลปรากฏว่า ผู้ทดสอบทานอาหารน้อยลง 11.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเคี้ยวอาหารมากๆ

ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่า เมื่อคนเราทานอาหารไปสักพัก สมองจะได้รับสัญญาณจากกระเพาะ และสั่งการให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม แต่ถ้าเราเคี้ยวเร็วกินเร็ว จะทำให้เราได้รับปริมาณอาหารมากเกินไป โดยที่สมองสั่งการไม่ทัน ดังนั้นการใช้เวลาในการเคี้ยวอาหารนาน จะทำให้สมองมีเวลามากพอที่จะได้รับสัญญาณจากกระเพาะ จะทำให้กินน้อยลง และผอมลงไปโดยปริยาย ทั้งนี้ ศ.อดัม ดรอว์นอว์สกี จากศูนย์วิจัยโรคอ้วนของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน กล่าวว่า วิธีการนี้ไม่สามารถใช้ได้กับอาหารที่เคี้ยวไม่ได้อย่างซุป หรือว่าไอศครีมได้ เพราะถ้าเคี้ยวอาหารเหลวพวกนี้นานๆ จะทำให้หิวมากขึ้นแทน
ข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์ 

----------------------

เทคนิคลดความอ้วน 6.) นอนให้เพียงพอ

นอกจากการนอนน้อย สามารถทำให้เกิดผลทางลบมากมายหลายประการ เช่น การตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย ประสิทธิภาพการขับรถลดลงแล้ว ยังมีหลักฐานทางวิชาการ ที่บอกว่าการอดนอนอาจทำให้ “อ้วน” ได้ด้วย (นสพ.เดอะวอชิงตันโพสต์) แต่วิทยาศาสตร์ก็ยังไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลโดยตรงของทั้ง 2 สิ่ง

ในขณะที่ ไมเคิล บริวส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความผิดปกติในการนอนหลับ อธิบายว่า เมื่ออดนอนกระบวนการเผาผลาญอาหารจะชะลอตัวลง เพราะร่างกายพยายามเก็บพลังงานเอาไว้ เพื่อลากยาวให้ผ่านช่วงเวลาที่ต้องลืมตาตื่น ทำให้การปล่อยฮอร์โมนคอร์ติซอลช้าลง ฮอร์โมนคอร์ติซอลนั้นปกติร่างกายจะหลั่งออกมาเมื่อเวลาเครียดและกระตุ้นการอยากอาหาร ผลที่ตามมาคือ ร่างกายจะรู้สึกว่าต้องการพลังงานมากขึ้น ก็เลยต้องการอาหารมากขึ้น นอกจากนี้ เมื่ออยู่ดึกคนก็มักจะกินมากขึ้น และมักจะกินอาหารที่เป็นไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง อันเป็นอาหารที่เพิ่มการหลั่งสารเซโรโตนินที่ช่วยให้คนรู้สึกสงบและเป็นสุขออกมา สำหรับระยะเวลาในการนอนที่มีสุขภาพดีนั้น บริวส์แนะนำว่าผู้ใหญ่ควรจะนอนประมาณคืนละ 7.5 ชั่วโมง

สำหรับคนที่อยากจะนอนให้อิ่มและสลิมได้ด้วย มีเคล็ดลับง่ายๆคือ ควรกำหนดเวลานอนให้เข้านอนตรงเวลา ร่างกายจะได้รู้ตัวว่าถึงเวลานอนแล้ว ควรออกกำลังทุกวัน เพื่อลดความเครียด แต่ไม่ควรออกกำลังก่อนนอน 4 ชั่วโมง ระบายความกังวลลงกระดาษ จะได้ไม่มีเรื่องครุ่นคิดก่อนนอน จำกัดกิจกรรมก่อนเข้านอน ให้เหลือแค่ 3 อย่างคือ เตรียมสิ่งของที่จะทำในวันรุ่งขึ้นให้พร้อม รักษาสุขอนามัยส่วนตัว และใช้เวลาพักผ่อน
----------------------
ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก by Riya www.eduzones.com  http://blog.eduzones.com/lifestyle/142270
----------------------
ดูแลรูปร่างและสุขภาพของคุณด้วยสมุนไพรธรรมชาติ จาก ฟีนิกซ์ ฟินน์
ติดต่อสอบถาม: โสภณ เพิ่มสุข Tel. 098-827-7275 ID line: 0988277275
ข้อมุลสินค้าเพิ่มเติม http://phoenix-finn.blogspot.com/
ติดตามข้อมูลสินค้าอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ http://phoenixherb.blogspot.com/

ดื่มน้ำสับปะรด..ลดห่วงยางรอบเอวกันเถอะ!

ดื่มน้ำสับปะรด..ลดห่วงยางรอบเอวกันเถอะ!

อร่อยกับผลไม้จากเขตร้อน
แคลอรีลดลง 20 แถมอารมณ์ดีขึ้น 8%

กำลังมองหาวิธีลดน้ำหนักอยู่ใช่ไหม? 
ทราบหรือไม่ว่า..การดื่มน้ำสับปะรด 200 มิลลิลิตรหลังตื่นนอนตอนเช้า คุณจะรู้สึกสดชื่นแจ่มใส แถมยังลดความอ้วนได้ด้วย นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนอร์ทธัมเบรีย ระบุว่า
นอกจากน้ำผลไม้ชนิดนี้จะให้แคลอรีน้อยกว่าน้ำส้มแล้ว ยังช่วยเติมเต็มฮอร์โมนเมลาโทนินให้คุณด้วย คุณจึงนอนหลับได้นานขึ้นอีก 25 นาที การนอนหลับได้ยาวจะ ส่งผลดีต่ออารมณ์ของคุณ

เพราะระดับเซโรโทนินในร่างกายจะลดลงในวันที่คุณนอนไม่พอยิ่งไปกว่านั้นถ้าวันไหนคุณได้นอนจนอิ่มคุณจะทานของจุกจิกน้อยลงทันที

นอกจากนั้นงานวิจัยอีก หลายชิ้นยังชี้ให้เห็นว่าวิตามินซีในผลไม้จากประเทศเขตร้อนอย่างบ้านเรายังช่วยในการเผาผลาญไขมันด้วย เทคนิคนี้จึงช่วยให้คุณลดห่วงยางรอบเอวได้แบบชิลๆ


----------------------
ขอบคุณข้อมูลจาก http://op-qo.com  ,  http://op-qo.com/?p=362  และข้อมูลภาพจากอินเตอร์เน็ต
----------------------
ดูแลรูปร่างและสุขภาพของคุณด้วยสมุนไพรธรรมชาติ จาก ฟีนิกซ์ ฟินน์
ติดต่อสอบถาม: โสภณ เพิ่มสุข Tel. 098-827-7275 ID line: 0988277275
ข้อมุลสินค้าเพิ่มเติม http://phoenix-finn.blogspot.com/
ติดตามข้อมูลสินค้าอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ http://phoenixherb.blogspot.com/